วันเสาร์, 5 ตุลาคม 2567

ความแตกต่างของ 4 โรคฮิต โควิด-19 &ไข้หวัด &ไข้หวัดใหญ่ &ภูมิแพ้

05 ธ.ค. 2022
341

จากสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ รวมถึงอากาศที่แปรปรวนและฤดูฝนที่ยาวนาน ส่งผลให้เราอาจจะมีช่วงเวลา ที่อุณหภูมิที่ลดต่ำลง หรือมีหน้าหนาวที่ค่อนข้างยาวนานกว่าปกติ ส่งผลให้โรคที่พบได้บ่อยในฤดูหนาว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรค ที่เกิดจากเชื้อไวรัส ได้แก่ โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคปวดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน และโรคอีสุกอีใส พบเจอได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วยนะคะ ผู้คนเริ่มป่วยกันเยอะขึ้นในช่วงเวลานี้ ทั้ง ผู้ใหญ่ คนแก่ และเด็กๆทุกวัย เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเรามาเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันโรคที่มากับฤดูหนาวกันนะคะ

ทุกวันนี้ ใครๆ ก็จะพูดถึงอาการของโรคโควิด-19 ซึ่งยังคนแพร่ระบาดและยังต้องคอยป้องกันตัวกันอยู่ตลอดเวลานะคะ แต่รู้หรือไม่คะ ว่านอกจาก โควิด-19 แล้ว ยังมีอีก 3 โรค ที่คนเรามักจะป่วยกันเยอะในช่วงนี้เช่นกันนะคะ นั่นก็คือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และภูมิแพ้ นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าได้ประมาทไปกันเชียวนะคะ ตามมาเช็กอาการ 4 โรคยอดฮิต ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ ว่าจะมีอาการอะไรบ้าง

อาการของ 4 โรคฮิต

1.โรคโควิด-19

โควิด-19 คือ โรคติดต่อซึ่งเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ไวรัส และโรคอุบัติใหม่นี้ไม่เป็นที่รู้จักเลย ก่อนที่จะมีการระบาดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนในเดือนธันวาคมปี 2019 ซึ่งในขณะนี้โรคโควิด 19 มีการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกแล้ว และได้ส่งผลกระทบแก่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

อาการของโรคโควิด-19 (COVID-19)

จากข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก WHO ได้ระบุ อาการโควิด-19 ไว้อย่างละเอียดดังนี้

อาการทั่วไปมีดังนี้

  • มีไข้
  • ไอแห้ง
  • อ่อนเพลีย

อาการที่พบไม่บ่อยนักมีดังนี้

  • ปวดเมื่อยเนื้อตัว
  • เจ็บคอ
  • ท้องเสีย
  • ตาแดง
  • ปวดศีรษะ
  • สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่น และรับรส
  • มีผื่นบนผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี

อาการรุนแรงมีดังนี้

  • หายใจลำบาก หรือหายใจถี่
  • เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
  • สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว

2.โรคไข้หวัด

ไข้หวัด หรือ ไข้หวัดทั่วไป (Common Cold) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณ ทางเดินหายใจส่วนบน เช่นจมูก คอ ไซนัส และกล่องเสียง โดยเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัด มีสายพันธุ์ย่อย ๆ มากกว่า 200 ชนิด เลยทีเดียว

ทั้งนี้ไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดได้มากที่สุด คือ ไรโนไวรัส (Rhinovirus – คำว่า Rhino แปลว่า จมูก ไรโนไวรัส เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก) เป็นเชื้อไวรัสที่พบมากที่สุดในมนุษย์ และเป็นสาเหตุสำคัญของไข้หวัด โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีความหลากหลายทางสายพันธุ์มาก

อาการของโรคไข้หวัดทั่วไป (Common Cold)

เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ความรุนแรงของอาการจะมีมากในช่วง 2-3 วันแรก ก่อนจะค่อย ๆ ทุเลาลง โดยอาการของไข้หวัด จะมีดังต่อไปนี้

– มีไข้ต่ำ ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นพัก ๆ ปวดศีรษะเล็กน้อย (ในเด็กอาจมีไข้สูงเฉียบพลัน ในผู้ใหญ่อาจไม่มีไข้ก็ได้) อาการไข้มักเป็นอยู่ 2 – 4 วัน แล้วก็จะหายไปเอง

– น้ำมูกไหล มักเป็นน้ำมูกใส ๆ ไม่ข้น

  • ในรายที่ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีไข้เกิน 4 วัน หรือมีน้ำมูกเข้มข้นเหลือง หรือเขียวเกิน 24 ชั่วโมง หรือไอมีเสมหะสีเหลือง หรือเขียวทุกครั้ง

– คัดจมูก หายใจได้ไม่สะดวกเนื่องจากจมูกบวม

– ไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะเล็กน้อย ลักษณะใส หรือขาว ๆ จามบ่อยครั้ง แม้ไข้หวัดจะดีขึ้นแล้วแต่ผู้ป่วยอาจมีอาการไออยู่ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะหายเป็นปกติ

– เสียงแหบ

– ปวดศีรษะ หรือปวดหู หากมีอาการปวดหูมาก ๆ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่หู

– ปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย

– มีอาการระคายเคืองที่ดวงตา หรือมีตาแดง ขี้ตา

3. โรคไข้หวัดใหญ่

เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี ที่พบมากที่สุด คือ ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1) (H3N2) รองลงมาได้แก่ ชนิด บี และซี

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่

– มีอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว
– ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา
– ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
– เบื่ออาหาร
– คัดจมูก มีน้ำมูกใส ๆ ไอแห้ง ๆ
– ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงได้

4. โรคภูมิแพ้

ภูมิแพ้ หรือที่บางคนก็เรียกว่า หวัดภูมิแพ้ เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่แพ้ แล้วปล่อยสาร “ฮิสตามีน” ออกมา ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดอาการจาม คัดจมูกหายใจไม่ออก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ มักได้แก่

  1. ฝุ่น ละอองเกสรต้นไม้ ดอกไม้ ขนสัตว์ รังแคสัตว์ อาหาร เป็นต้น
  2. ความเย็น เช่น อากาศเย็น น้ำเย็น นุ่นในที่นอน หมอน และสารเคมี เป็นต้น

อาการของโรคภูมิแพ้

อาการของโรคภูมิแพ้ แบ่งออกเป็น 4 ระบบ ได้แก่

  1. ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ มีอาการ คัดจมูก น้ำมูกใส จามบ่อย มีเสมหะลงคอ ไม่มีไข้ คันตา หายใจเสียงดังวี๊ดๆ อาการดังกล่าวอาจเป็นแค่บางฤดูกาล และมักเป็นหนักในช่วงอากาศเย็น เช่น เช้าหรือกลางคืน อาจเป็นนาน 2-3 ชั่วโมง
  2. ภูมิแพ้ผิวหนัง มีอาการผื่นนูนแดง หรือแข็งเป็นขุย บางรายเกาจนเป็นแผล อาจเกิดได้ที่บริเวณ ข้อพับ แก้ม หรือตามลำตัว มักจะสัมพันธ์กับอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน เช่น ร้อนแล้วมาเย็นทันที, สารเคมีที่สัมผัส, และความเครียด
  3. ภูมิแพ้ทางเดินอาหาร
  • แบบฉับพลัน ทานอาหารที่แพ้เข้าไปไม่เกิน 2 ชั่วโมง จะบวมริมฝีปาก คันคอ คัดจมูก เกิดลมพิษ หอบหืด ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน
  • แบบแฝง ทานโปรตีนชนิดนั้นไปเรื่อย ๆ เช่น นม ไข่ จนเกินขีดภูมิต้านทานรับไหว ก็จะเกิดอาการรุนแรงมาในทันที อาจช็อคหมดสติ และเป็นสาเหตุของหลายโรค เช่น หวัดเรื้อรัง หูน้ำหนวกเรื้อรัง ไซนัสอักเสบ ข้ออักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ ซึมเศร้าเรื้อรัง สมาธิสั้น
  1. ภูมิแพ้หลายระบบร่วมกัน
    เป็นอาการแพ้ที่รุนแรง รวดเร็ว และมีอาการหลายระบบ ทำให้มีอาการคัน ปากบวม หน้าบวม รู้สึกแน่นในลำคอ จาม น้ำมูกไหล หายใจลำบาก ใครที่เป็นโรคหืด อาจไปกระตุ้นให้เป็นมากกว่าเดิมได้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ความดันโลหิตลดต่ำลง หมดความรู้สึก และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

สรุปอาการ 4 โรคยอดฮิต

จากข้อมูลข้างต้น จะสังเกตเห็นได้ว่า 4 โรคยอดฮิต นี้ จะมีอาการที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้างนะคะ เช่น มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เป็นต้น

ส่วนวิธีป้องกันตนเองจาก 4 โรคนี้ ก็คือ

  • ควรหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • สวมใส่หน้ากากอนามันเสมอ เมื่อต้องออกไปข้างนอก

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมาแล้ว ก็อย่านิ่งนอนใจนะคะ ถ้ามีอาการไม่มากก็ดูแลกันไปตามอาการ หายาทานซึ่งควรปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยามาทานเองด้วยนะคะ หากอาการหนักหรือใช้เวลานานแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์หรือเข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลต่างๆให้เร็วที่สุดนะคะ