จากสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ รวมถึงอากาศที่แปรปรวนและฤดูฝนที่ยาวนาน ส่งผลให้เราอาจจะมีช่วงเวลา ที่อุณหภูมิที่ลดต่ำลง หรือมีหน้าหนาวที่ค่อนข้างยาวนานกว่าปกติ ส่งผลให้โรคที่พบได้บ่อยในฤดูหนาว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรค ที่เกิดจากเชื้อไวรัส ได้แก่ โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคปวดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน และโรคอีสุกอีใส พบเจอได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วยนะคะ ผู้คนเริ่มป่วยกันเยอะขึ้นในช่วงเวลานี้ ทั้ง ผู้ใหญ่ คนแก่ และเด็กๆทุกวัย เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเรามาเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันโรคที่มากับฤดูหนาวกันนะคะ
ทุกวันนี้ ใครๆ ก็จะพูดถึงอาการของโรคโควิด-19 ซึ่งยังคนแพร่ระบาดและยังต้องคอยป้องกันตัวกันอยู่ตลอดเวลานะคะ แต่รู้หรือไม่คะ ว่านอกจาก โควิด-19 แล้ว ยังมีอีก 3 โรค ที่คนเรามักจะป่วยกันเยอะในช่วงนี้เช่นกันนะคะ นั่นก็คือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และภูมิแพ้ นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าได้ประมาทไปกันเชียวนะคะ ตามมาเช็กอาการ 4 โรคยอดฮิต ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ ว่าจะมีอาการอะไรบ้าง
อาการของ 4 โรคฮิต
1.โรคโควิด-19
โควิด-19 คือ โรคติดต่อซึ่งเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ไวรัส และโรคอุบัติใหม่นี้ไม่เป็นที่รู้จักเลย ก่อนที่จะมีการระบาดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนในเดือนธันวาคมปี 2019 ซึ่งในขณะนี้โรคโควิด 19 มีการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกแล้ว และได้ส่งผลกระทบแก่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
อาการของโรคโควิด-19 (COVID-19)
จากข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก WHO ได้ระบุ อาการโควิด-19 ไว้อย่างละเอียดดังนี้
อาการทั่วไปมีดังนี้
- มีไข้
- ไอแห้ง
- อ่อนเพลีย
อาการที่พบไม่บ่อยนักมีดังนี้
- ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- เจ็บคอ
- ท้องเสีย
- ตาแดง
- ปวดศีรษะ
- สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่น และรับรส
- มีผื่นบนผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี
อาการรุนแรงมีดังนี้
- หายใจลำบาก หรือหายใจถี่
- เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
- สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว
2.โรคไข้หวัด
ไข้หวัด หรือ ไข้หวัดทั่วไป (Common Cold) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณ ทางเดินหายใจส่วนบน เช่นจมูก คอ ไซนัส และกล่องเสียง โดยเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัด มีสายพันธุ์ย่อย ๆ มากกว่า 200 ชนิด เลยทีเดียว
ทั้งนี้ไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดได้มากที่สุด คือ ไรโนไวรัส (Rhinovirus – คำว่า Rhino แปลว่า จมูก ไรโนไวรัส เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก) เป็นเชื้อไวรัสที่พบมากที่สุดในมนุษย์ และเป็นสาเหตุสำคัญของไข้หวัด โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีความหลากหลายทางสายพันธุ์มาก
อาการของโรคไข้หวัดทั่วไป (Common Cold)
เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ความรุนแรงของอาการจะมีมากในช่วง 2-3 วันแรก ก่อนจะค่อย ๆ ทุเลาลง โดยอาการของไข้หวัด จะมีดังต่อไปนี้
– มีไข้ต่ำ ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นพัก ๆ ปวดศีรษะเล็กน้อย (ในเด็กอาจมีไข้สูงเฉียบพลัน ในผู้ใหญ่อาจไม่มีไข้ก็ได้) อาการไข้มักเป็นอยู่ 2 – 4 วัน แล้วก็จะหายไปเอง
– น้ำมูกไหล มักเป็นน้ำมูกใส ๆ ไม่ข้น
- ในรายที่ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีไข้เกิน 4 วัน หรือมีน้ำมูกเข้มข้นเหลือง หรือเขียวเกิน 24 ชั่วโมง หรือไอมีเสมหะสีเหลือง หรือเขียวทุกครั้ง
– คัดจมูก หายใจได้ไม่สะดวกเนื่องจากจมูกบวม
– ไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะเล็กน้อย ลักษณะใส หรือขาว ๆ จามบ่อยครั้ง แม้ไข้หวัดจะดีขึ้นแล้วแต่ผู้ป่วยอาจมีอาการไออยู่ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะหายเป็นปกติ
– เสียงแหบ
– ปวดศีรษะ หรือปวดหู หากมีอาการปวดหูมาก ๆ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่หู
– ปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย
– มีอาการระคายเคืองที่ดวงตา หรือมีตาแดง ขี้ตา
3. โรคไข้หวัดใหญ่
เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี ที่พบมากที่สุด คือ ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1) (H3N2) รองลงมาได้แก่ ชนิด บี และซี
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
– มีอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว
– ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา
– ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
– เบื่ออาหาร
– คัดจมูก มีน้ำมูกใส ๆ ไอแห้ง ๆ
– ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงได้
4. โรคภูมิแพ้
ภูมิแพ้ หรือที่บางคนก็เรียกว่า หวัดภูมิแพ้ เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่แพ้ แล้วปล่อยสาร “ฮิสตามีน” ออกมา ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดอาการจาม คัดจมูกหายใจไม่ออก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ มักได้แก่
- ฝุ่น ละอองเกสรต้นไม้ ดอกไม้ ขนสัตว์ รังแคสัตว์ อาหาร เป็นต้น
- ความเย็น เช่น อากาศเย็น น้ำเย็น นุ่นในที่นอน หมอน และสารเคมี เป็นต้น
อาการของโรคภูมิแพ้
อาการของโรคภูมิแพ้ แบ่งออกเป็น 4 ระบบ ได้แก่
- ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ มีอาการ คัดจมูก น้ำมูกใส จามบ่อย มีเสมหะลงคอ ไม่มีไข้ คันตา หายใจเสียงดังวี๊ดๆ อาการดังกล่าวอาจเป็นแค่บางฤดูกาล และมักเป็นหนักในช่วงอากาศเย็น เช่น เช้าหรือกลางคืน อาจเป็นนาน 2-3 ชั่วโมง
- ภูมิแพ้ผิวหนัง มีอาการผื่นนูนแดง หรือแข็งเป็นขุย บางรายเกาจนเป็นแผล อาจเกิดได้ที่บริเวณ ข้อพับ แก้ม หรือตามลำตัว มักจะสัมพันธ์กับอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน เช่น ร้อนแล้วมาเย็นทันที, สารเคมีที่สัมผัส, และความเครียด
- ภูมิแพ้ทางเดินอาหาร
- แบบฉับพลัน ทานอาหารที่แพ้เข้าไปไม่เกิน 2 ชั่วโมง จะบวมริมฝีปาก คันคอ คัดจมูก เกิดลมพิษ หอบหืด ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน
- แบบแฝง ทานโปรตีนชนิดนั้นไปเรื่อย ๆ เช่น นม ไข่ จนเกินขีดภูมิต้านทานรับไหว ก็จะเกิดอาการรุนแรงมาในทันที อาจช็อคหมดสติ และเป็นสาเหตุของหลายโรค เช่น หวัดเรื้อรัง หูน้ำหนวกเรื้อรัง ไซนัสอักเสบ ข้ออักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ ซึมเศร้าเรื้อรัง สมาธิสั้น
- ภูมิแพ้หลายระบบร่วมกัน
เป็นอาการแพ้ที่รุนแรง รวดเร็ว และมีอาการหลายระบบ ทำให้มีอาการคัน ปากบวม หน้าบวม รู้สึกแน่นในลำคอ จาม น้ำมูกไหล หายใจลำบาก ใครที่เป็นโรคหืด อาจไปกระตุ้นให้เป็นมากกว่าเดิมได้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ความดันโลหิตลดต่ำลง หมดความรู้สึก และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
สรุปอาการ 4 โรคยอดฮิต
จากข้อมูลข้างต้น จะสังเกตเห็นได้ว่า 4 โรคยอดฮิต นี้ จะมีอาการที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้างนะคะ เช่น มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เป็นต้น
ส่วนวิธีป้องกันตนเองจาก 4 โรคนี้ ก็คือ
- ควรหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ
- ทานอาหารที่มีประโยชน์
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- สวมใส่หน้ากากอนามันเสมอ เมื่อต้องออกไปข้างนอก
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมาแล้ว ก็อย่านิ่งนอนใจนะคะ ถ้ามีอาการไม่มากก็ดูแลกันไปตามอาการ หายาทานซึ่งควรปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยามาทานเองด้วยนะคะ หากอาการหนักหรือใช้เวลานานแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์หรือเข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลต่างๆให้เร็วที่สุดนะคะ